รมว.ศธ. กล่าวว่า เดิมกองทุนตั้งตัวได้ จะสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากผู้ใช้เงินส่วนใหญ่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ จึงโอนย้ายมาอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็น ๑ ในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล จะจัดตั้งเป็นกองทุนที่มีพระราชบัญญัติเป็นของตนเอง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นอิสระ โดยปีนี้รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณให้กองทุนจำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี รวมทั้งประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ได้มีโอกาสเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ หรือเถ้าแก่น้อยด้วยตนเอง โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้มาก ซึ่งได้เรียกประชุมมาแล้ว ๒ ครั้ง เพื่อร่วมกันร่างระเบียบแนวทาง พร้อมทั้งเป็นประธานกรรมการนโยบายเองด้วย
ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กองทุนตั้งตัวได้จะเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน หรือร่วมลงทุนกับนักศึกษา เพื่อสร้างผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจในสถานศึกษา รวมทั้งสร้างธุรกรรมสมัยใหม่หรือนวัตกรรมใหม่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะช่วยสร้างผู้ประกอบการรายเล็กเพิ่มเติมขึ้นสำหรับเศรษฐกิจใหม่ของประเทศไม่น้อยกว่า ๑,๕๐๐,๐๐๐ ราย ใน ๒๐ ปี ซึ่งจะเป็นการช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งสร้างความเท่าเทียมและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กทั่วประเทศ ซึ่งไม่ใช่มาจากครอบครัวนักธุรกิจหรือเศรษฐีเดิม อันจะนำไปสู่ฐานภาษีเงินได้จากผู้ประกอบการใหม่จำนวนมากจะสูงขึ้น แม้อัตราการเก็บภาษีเงินได้จะลดลงตามนโยบายของรัฐบาลก็ตาม ที่สำคัญกองทุนตั้งตัวได้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากภูมิปัญญาไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ นอกจากรัฐบาลจะจัดเตรียมเงินกองทุน เพื่อให้กู้ หรือร่วมลงทุน หรือช่วยเหลือแล้ว จะชักจูงให้ธนาคารต่างๆ เข้ามาอุ้มชูช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งมหาวิทยาลัยต่างๆ จะต้องวางแผนดำเนินการจัดองค์กร ABI : Authorized Business Incubator พร้อมทั้งดำเนินการจัดทำแผนธุรกิจ (Business Plan) ของ ABI สำหรับนักศึกษา รวมทั้งศิษย์เก่าที่ต้องการทำธุรกิจผ่านธนาคารด้วย ซึ่งคาดว่าเมื่อจัดทำร่างคุณลักษณะของ ABI รวมทั้งรูปแบบ (Model) และแผนธุรกิจเสร็จสิ้นแล้ว จะเปิดตัวและดำเนินการ "กองทุนตั้งตัวได้" ภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕
ที่มา :: http://www.moe.go.th (ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี)
รายละเอียด"กองทุนตั้งตัวได้"
เริ่มดำเนินการปีงบประมาณ 2556 หรือเริ่มต้นในเดือนตุลาคม 2555 เป็นต้นไป โดยจะจัดตั้งหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจใน 56 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งนักศึกษาจะต้องเสนอแผนธุรกิจผ่านสถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน ให้พิจารณาความเป็นไปได้ โดยรูปแบบการให้กู้ยืม ทั้งนี้วงเงินแต่ละราย รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจะต้องรอการพิจารณาหลังมีการจัดตั้งคณะกรรมการด้านนโยบาย ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน และคณะกรรมการด้านบริหาร ซึ่งต้องมีองค์กรภาคประชาชนเข้าร่วมด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น